สะท้อนความจริงด้วยความจริงใจ จาก นายปราโมทย์ สรวมนาม

การทำประกันประโยชน์ของใคร ?

           1. ประโยชน์ของผู้กู้  ครอบครัวของผู้กู้หรือทายาท

           2. ประโยชน์ของผู้ค้ำประกัน  ครอบครัวหรือทายาท

           3. ประโยชน์ของสหกรณ์  คือประโยชน์ของสมาชิกโดยรวม    

สหกรณ์ออมทรัพย์ครูกาญจนบุรี จำกัด แก้ปัญหาและพัฒนาการทำประกันอย่างไร ?

           ปี พ.ศ. 2556  เกิดวิกฤตเรื่องการค้ำประกัน  ในที่ประชุมใหญ่

           ปี พ.ศ. 2557  แก้ปัญหาและพัฒนา

                   1. วิธีการจัดหาบริษัท

                   2. กำหนดระยะเวลาสิ้นสุดกรมธรรม์

                   3. กำหนดวิธีการเก็บเบี้ยประกัน

สหกรณ์ประสบความสำเร็จ

           1.  ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2557 เป็นต้นมา  อัตราเบี้ยประกันลดลงอย่างต่อเนื่อง กระทั่งปี พ.ศ. 2561, 2562  อัตราค่าเบี้ยประกันอยู่ที่ 215/100,000 บาท และ FCL เพิ่มขึ้นเป็น 1,200,000 บาท

           2.  ครอบครัวผู้กู้  ทายาทผู้กู้  ผู้ค้ำประกัน  และครอบครัวได้รับประโยชน์ ไม่ต้องรับภาระหนี้สิน     ที่ผู้กู้ค้างชำระหรือชำระบ้างเล็กน้อย

           3.  สหกรณ์ไม่มีหนี้เสีย  กรณีผู้กู้ถึงแก่ความตาย 

           4.  ครอบครัวหรือทายาทผู้กู้บางรายได้รับเงินประกันส่วนที่เหลือจากการชำระหนี้ 

สิ่งที่ปรากฎกับวงการสหกรณ์

1. งบการเงินของสหกรณ์ออมทรัพย์ครูกาญจนบุรี จำกัด  แสดงให้เห็นถึงความมั่นคง  อัตราการตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ  อยู่ในอัตราต่ำเมื่อเทียบกับเงินให้กู้

           2. สหกรณ์ออมทรัพย์ครูกาญจนบุรี จำกัด  หาเงินกู้ได้ง่าย และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ต่ำทั้งจากธนาคารและสหกรณ์

  • สหกรณ์อื่นนำเงินมาฝากไว้กับสหกรณ์ออมทรัพย์ครูกาญจนบุรี จำกัด กว่า 1,000 ล้านบาท
  • สหกรณ์สามารถขยายวงเงินกู้  และแก้ปัญหาความเดือดร้อนได้ดีขึ้น

ทำไมต้องหักเงินปันผลและเงินเฉลี่ยคืน

           1. เงินปันผลและเงินเฉลี่ยคืนที่สหกรณ์หักไว้  ได้นำเข้าบัญชีเงินฝากของสมาชิกเป็นรายบุคคล       ได้ดอกเบี้ยร้อยละ 3.75/ปี

           2. การจ่ายเบี้ยประกัน รอบแรกสหกรณ์หักจากเงินกู้ได้

           3. การต่อสัญญาประกันงวดต่อไป  สหกรณ์จะต้องจ่ายตามเงื่อนไข ตามสัญญาทำประกัน           ตามระยะเวลาการกู้ ของผู้กู้แต่ละคน  หากไม่เก็บจากเงินปันผลและเงินเฉลี่ยคืน จะมีปัญหามาก

           4. กรณีหักเงินไว้ไม่เพียงพอต้องเก็บเพิ่ม  ซึ่งสมาชิกไม่ยอมนำมาชำระ (สหกรณ์ต้องแก้ปัญหาอย่างยุ่งยาก เพราะจะปล่อยให้สัญญาประกันขาดอายุไม่ได้)

           5. สมาชิกผู้กู้ทราบดีว่าการกู้เงินที่สมาชิกเคยกู้มา  และเป็นหนี้อยู่ขณะนี้  สหกรณ์เก็บเบี้ยประกันอย่างไร  จำนวนเงินเท่าไร 

           6. การกู้เงินและการทำประกันเป็นของคู่กัน  เพราะเป็นเรื่องของการลดความเสี่ยง

           7. ใครกู้มากหลายสัญญาก็ต้องถูกเก็บค่าเบี้ยประกันมาก  ถ้าอยากเสียเบี้ยประกันน้อยก็อย่ากู้มาก  หรือถ้าไม่อยากถูกหักเงินไว้เป็นเบี้ยประกัน  ก็อย่ากู้เกิน 90% ของค่าหุ้นของตนเอง

ข้อสังเกต

           การดำเนินงานของสหกรณ์  คณะกรรมการทุกคนต้องมีความรู้  สมาชิกต้องมีความเข้าใจ  วิจารณ์และแสดงความคิดเห็น  ด้วยความรู้  อย่าวิจารณ์และแสดงความคิดเห็นด้วยความรู้สึก

ท่านเคยคิดบ้างไหม

           กลุ่มสมาชิกที่เกษียณอายุราชการแล้วเป็นกลุ่มผู้ออม  มีหนี้ได้ไม่เกินเงินค่าหุ้น + สวัสดิการ และส่วนใหญ่มีภูมิลำเนาอยู่ในจังหวัดกาญจนบุรี  แต่กลุ่มสมาชิกที่อยู่ในวัยทำงาน  ส่วนใหญ่มีหุ้นเฉลี่ยคนละประมาณ 3 – 4 แสนบาท  แต่มีหนี้เฉลี่ยคนละ 2 – 4 ล้านบาท  พอถึงเวลาย้ายไปต่างจังหวัดพาหนี้ติดตัวไปด้วยคนละเป็นล้าน ๆ  สหกรณ์ไม่ติดตามก็ไม่ยอมชำระ ต้องติดตามฟ้องร้องเสียเงินค่าทนาย เงินวางศาล เรื่องเหล่านี้ตรวจสอบได้ที่สหกรณ์  คนพวกนี้สหกรณ์ต้องเคร่งครัดเรื่องการทำประกัน ถ้าไม่บริหารให้รอบคอบคนที่จะเสียหายมากที่สุดคือกลุ่มผู้เกษียณอายุ และกลุ่มผู้ฝากเงิน  แต่น่าแปลกใจ พอกลุ่มผู้กู้ที่เอาเงินของกลุ่ม    ผู้ออมไปพูดเรื่องการหักเงินปันผลและเฉลี่ยคืนไว้เป็นค่าประกันชีวิต  หลายท่านกับท่านกับพูดว่า  ไม่รู้ว่าสหกรณ์ทำกันอย่างไร  เดี๋ยวนี้แปลกทำไมถึงต้องมาหักเบี้ยประกันจากเงินปันและเฉลี่ยคืน  แสดงว่าท่านผู้สูงอายุที่เป็นกลุ่มผู้ออม  ไม่รู้ใช่ไหมว่าการจัดให้มีการทำประกันชีวิต เป็นส่วนหนึ่งในการคุ้มครองเงินของท่านให้อยู่ด้วยความมั่นคง  และให้ดอกผลที่ดีตลอดไป  หรือจะปล่อยให้ค่อยๆ หายไปปีละล้าน สองล้าน หรือหลายๆ ล้าน  จนทำให้เงินปันผลและเฉลี่ยคืน  และสวัสดิการต่าง ๆ ลดลง มูลค่าหุ้นของท่านหุ้นละ        10 บาท อาจลดลง เหลือไม่ถึง 10 บาท  จนในที่สุดก็ล่มสลายสูญหายไป  สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ต้องคิดและไตร่ตรองให้รอบคอบ  สหกรณ์ของเราเจริญมาถึงจุดสูงสุด ในขณะนี้ดูได้จากสหกรณ์จ่ายเงินปันผลได้ เท่ากับดอกเบี้ยเงินกู้ ฉะนั้นคนกู้หุ้นตัวเองเท่ากับไม่ต้องเสียดอกเบี้ย  พอรับเงินเฉลี่ยคืนอีก 12.5% ก็เท่ากับสหกรณ์แถมเงินให้อีก 75 สตางค์ 

           ทุกอย่างจะต้องเป็นไปตามกฎธรรมชาติเหมือนภาวะเศรษฐกิจของโลกและของประเทศ              เมื่อเฟื่องฟูแล้ว ก็จะต้องค่อยดับลง  เหมือนเทียนที่เผาไหม้ตัวเองจนหมดแท่งแล้วดับลง สหกรณ์ออมทรัพย์   ครูกาญจนบุรี จำกัด  น่าจะถึงเวลาที่จะต้องเริ่มถดถอยลง  จึงเริ่มมีปรากฎการณ์แปลก ๆ เกิดขึ้น ถ้ากรรมการและสมาชิกไม่ดูข้อมูลและรู้เท่าทันความจริง ไม่ตัดสินใจในการบริหารสหกรณ์ด้วยความรู้ ความเข้าใจ ตัดสินใจด้วยความรู้สึก หวังประโยชน์ส่วนตัว หวังได้คะแนนนิยมให้ได้มาซึ่งคะแนนเสียงเป็นสำคัญเป็นกรรมการเพื่อหาประโยชน์ หรือจะเป็นกรรมการเพื่อความมั่นคงของสหกรณ์ และประโยชน์ของสมาชิกโดยส่วนรวม  ไม่ใช่เพื่อประโยชน์แก่ใครคนใดคนหนึ่ง  หรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง  ที่ใดมีเงินมากที่นั้นย่อมมีผลประโยชน์มากตามไปด้วย  ในขณะที่มีคนได้ประโยชน์ แต่สหกรณ์จะค่อยเดินไปสู่ความล่มสลาย กรรมย่อมกลับไปสนองกับผู้กระทำการอันไม่สุจริตอย่างแน่นอน

10  ธันวาคม  2562